การสร้างคำในภาษาไทย คืออะไร?
ความหมายของการสร้างคำ
"การสร้างคำ" (ในภาษาไทย) นั้น ตำราหรือหนังสือบางเล่มอาจเรียกว่า "การเพิ่มคำ" (ในภาษาไทย) ซึ่งพี่ยูขอสรุปความหมายให้ว่า
"การสร้างคำ" คือ การนำคำมูลตั้งแต่ 2 หน่วยคำเป็นต้นไปมาประกอบกัน โดยทั่วไปแล้วจะเกิดเป็นคำใหม่ที่มักมีความหมายต่างไปจากคำมูลคำเดิม เพราะเมื่อนำคำมูลคำอื่นมาประกอบเข้าด้วยกันแล้ว ก็มักต้องรวมความหมายของคำมูลเหล่านั้นประกอบกันเพื่อสื่อความหมายใหม่ด้วยนั่นเอง
การสร้างคำในภาษาไทย มีกี่วิธี? อะไรบ้าง?
การสร้างคำในภาษาไทยมีเกณฑ์ที่พิจารณาการเลือกคำมูลมาประกอบกันเพื่อเรียกคำใหม่ที่สร้างขึ้นตามวิธีการสร้างคำนั้น ๆ หลายเกณฑ์ เช่น
พิจารณาจากลักษณะความหมายของคำมูล
- • เหมือน / คล้าย
- • แตกต่างแต่ไม่ตรงกันข้าม
- • แตกต่างแบบตรงข้ามกัน
พิจารณาจากที่มาของคำมูล
- • คำไทยแท้
- • คำยืมมาจากภาษาอื่น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในภาษาไทยจึงมีวิธีการสร้างคำหรือวิธีการเพิ่มคำที่หลากหลาย พี่ยูพบว่า การสร้างคำในภาษาไทยที่น้อง ๆ ต้องได้เรียนกัน มี 4 วิธีหลัก คือ
(1) คำซ้ำ
เด็กๆ, ช้าๆ
(2) คำซ้อน
ลิงโลด, เซ็งแซ่
(3) คำประสม
โรงพยาบาล, ห้องเรียน
(4) คำสมาส
ราชบุตร, มหาชน
คำซ้อน
ความหมายของคำซ้อน
คำซ้อน เกิดจากการนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน / คล้ายกัน / อยู่ในกลุ่มแวดวงความหมายเดียวกัน หรือเกิดจากการนำคำมูลที่มีความหมายตรงข้ามกัน ตั้งแต่ 2 หน่วยคำเป็นต้นไปมาประกอบกัน
ประเภทของคำซ้อน
คำซ้อนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ตามลักษณะความหมายของคำมูลที่นำมาประกอบกัน
คำมูลที่มีความหมายเหมือน / คล้าย / อยู่ในแวดวงความหมายเดียวกัน
การนำคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันหรืออยู่ในกลุ่มความหมายเดียวกันมาประกอบกัน
เดือดร้อน
เดือด = ร้อนจัด, โกรธ
ร้อน = ความร้อน, ความทุกข์
- ทั้งสองคำมีความหมายเกี่ยวกับความทุกข์ร้อนใจ
ชั่วร้าย
ชั่ว = ไม่ดี, เลว
ร้าย = ไม่ดี, อันตราย
- ทั้งสองคำมีความหมายเกี่ยวกับความไม่ดี
ภูตผีปีศาจ
ภูต = วิญญาณ
ผี = วิญญาณคนตาย
ปีศาจ = สิ่งชั่วร้าย
- ทั้งสามคำอยู่ในกลุ่มสิ่งเหนือธรรมชาติ
ทุกข์โศกโรคภัย
ทุกข์ = ความเศร้า
โศก = ความเศร้าโศก
โรค = ความเจ็บป่วย
ภัย = อันตราย
- ทั้งสี่คำเกี่ยวกับความทุกข์และความเดือดร้อน
คำมูลที่มีความหมายตรงข้ามกัน
การนำคำที่มีความหมายตรงกันข้ามมาประกอบกัน เพื่อแสดงความหมายครอบคลุมทั้งสองด้าน
ดีชั่ว
ดี = สิ่งที่ดี
ชั่ว = สิ่งที่ไม่ดี
* ครอบคลุมทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดี
เท็จจริง
เท็จ = ไม่จริง
จริง = เป็นความจริง
* ครอบคลุมทั้งความจริงและความเท็จ
ชั่วดีถี่ห่าง
ชั่ว = ไม่ดี
ดี = ดี
ถี่ = หนาแน่น
ห่าง = ไกล
* ครอบคลุมทุกลักษณะและระยะห่าง
เป็นตายร้ายดี
เป็น = มีชีวิต
ตาย = สิ้นชีวิต
ร้าย = ไม่ดี
ดี = ดี
* ครอบคลุมทุกสถานการณ์ในชีวิต
ที่มาของคำมูลในคำซ้อน
คำมูลแต่ละคำที่นำมาซ้อนกันอาจเป็นคำไทยแท้ (ไทยกรุงเทพฯ หรือไทยถิ่นต่าง ๆ) หรือคำยืมก็ได้
ตัวอย่างคำซ้อนจากภาษาต่าง ๆ
เสื่อสาด
เสื่อ = ไทยกรุงเทพฯ
สาด = ไทยถิ่นใต้หรืออีสาน
* ทั้งสองคำหมายถึงสิ่งที่ใช้ปูพื้น
ศึกสงคราม
ศึก = ไทย
สงคราม = สันสกฤต
* ทั้งสองคำหมายถึงการรบ การต่อสู้
ชั่วช้าสามานย์
ชั่ว = ไทย
ช้า = ไทย
สามานย์ = สันสกฤต
* ทั้งสามคำหมายถึงความไม่ดี ความเลว
เลือกสรร
เลือก = ไทย
สรร = เขมร
* ทั้งสองคำหมายถึงการคัดเลือก
โศกเศร้าเสียใจ
โศก = สันสกฤต
เศร้า = ไทย
เสียใจ = ไทย
* ทั้งสามคำหมายถึงความเศร้าโศก ความทุกข์ใจ
สรุปสำคัญ
คำซ้อนคือ
- • คำที่มีความหมายเหมือน/คล้าย
- • หรือความหมายตรงข้าม
- • นำมาประกอบกัน
ประเภท
- • ความหมายเหมือน/คล้าย
- • ความหมายตรงข้าม
- • จากภาษาต่าง ๆ
ตัวอย่าง
- • เดือดร้อน (เหมือน)
- • ดีชั่ว (ตรงข้าม)
- • ศึกสงคราม (ต่างภาษา)
คำซ้ำ
ความหมายของคำซ้ำ
คำซ้ำ เกิดจากคำมูลคำเดียวกัน (ความหมาย ชนิดและหน้าที่ของคำเหมือนกัน) ตั้งแต่ 2 หน่วยคำเป็นต้นไปมาประกอบกัน ใช้เครื่องหมายไม้ยมกแทนคำหลังที่ซ้ำ ยกเว้นในบทร้อยกรองจะไม่นิยมใช้ไม้ยมก
ข้อสำคัญ
- • คำซ้ำอาจเกิดความหมายใหม่ต่างไปจากคำเดี่ยว
- • คำซ้ำอาจมีความหมายไม่ต่างจากคำเดี่ยว
- • จึงไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นคำซ้ำเสมอไป
การเขียน
- • ใช้ไม้ยมก (ๆ) แทนคำหลัง
- • เช่น เด็กๆ, ช้าๆ
- • ในบทกวีไม่ใช้ไม้ยมก
ลักษณะทางความหมายของคำซ้ำ
คำซ้ำที่สร้างขึ้นอาจมีลักษณะทางความหมายได้หลากหลาย อาทิ
มีความหมายเป็นพหูพจน์
ตัวอย่าง: เด็กๆ เล่นอยู่ในห้องนอน
หมายถึง เด็กหลายคน ไม่ใช่เด็กคนเดียว
มีความหมายแสดงกิริยาซ้ำหลายครั้ง
ตัวอย่าง: แม่เคยเปรยๆ ว่าอยากไปเที่ยวไต้หวัน
- หมายถึง พูดเป็นครั้งคราว หรือพูดซ้ำๆ
มีความหมายแยกออกเป็นส่วนๆ หรือแยกประเภท
ตัวอย่าง: เธอควรใช้ปากกาให้หมดไปเป็นด้ามๆ นะ
- หมายถึง ใช้ทีละด้าม แยกเป็นส่วนๆ
มีความหมายเน้นหนัก
ตัวอย่าง: หมูปิ้งของฉันขอแต่เนื้อๆ นะคะ ไม่ชอบมันค่ะ
- หมายถึง เน้นว่าต้องการแต่เนื้อ ไม่ต้องการส่วนอื่น
มีความหมายเบาลง
ตัวอย่าง: ผ่านมาหลายวัน เธอยังโกรธๆ เขาไม่หายใช่ไหม
- หมายถึง โกรธเล็กน้อย ไม่ได้โกรธมาก
มีความหมายไม่ชี้เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง: วันพรุ่งนี้เจอกันแถวๆ โรงพยาบาลละกัน
- หมายถึง บริเวณใกล้ๆ โรงพยาบาล ไม่ได้ระบุจุดแน่นอน
มีความหมายใหม่หรือกลายเป็นสำนวน
ตัวอย่าง: เขามีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ อย่าไปเค้นเอาความลุ่มลึกเลย
- หมายถึง มีความรู้เพียงเล็กน้อย ไม่ลึกซึ้ง (เป็นสำนวน)
สรุปสำคัญ
คำซ้ำคือ
- • คำเดียวกันซ้ำกัน
- • ใช้ไม้ยมก (ๆ)
- • มีความหมายหลากหลาย
ตัวอย่างเพิ่มเติม
- • ช้าๆ (ช้ามาก)
- • ใหญ่ๆ (ใหญ่มาก)
- • คนๆ (หลายคน)
คำประสม
ความหมายของคำประสม
คำประสม เกิดจากการนำคำมูลที่มีความหมายต่างกันแต่ไม่ตรงข้ามกัน ตั้งแต่ 2 หน่วยคำเป็นต้นไปมาประกอบกัน
ลักษณะของคำประสม
คำประสมที่สร้างขึ้นจะเกิดเป็นคำใหม่ซึ่งมีความหมายใหม่ แต่ยังคงเค้าความหมายของคำมูลแต่ละคำที่นำมาประกอบกัน หรือเกิดเป็นคำใหม่ที่มีความหมายใหม่แบบไม่เหลือเค้าเดิมของความหมายคำมูลแต่ละคำที่นำมาประกอบกันก็ได้
โครงสร้างคำประสม
การพิจารณาโครงสร้างคำประสม มักพิจารณาจากชนิดของคำมูลแต่ละคำที่นำมาประกอบกัน
ตัวอย่างโครงสร้าง
แม่น้ำ
แม่ (นาม) = ต้นกำเนิด
น้ำ (นาม) = สายน้ำ
* สายน้ำสายหลัก
แม่ทัพ
แม่ (นาม) = หัวหน้า
ทัพ (นาม) = กองทหาร
* ผู้บัญชาการทหาร
แม่นม
แม่ (นาม) = ผู้หญิง
นม (นาม) = นมแม่
* ผู้หญิงที่ให้นมลูก
ประเภทของคำประสม
คำประสมสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะความหมายที่เกิดขึ้นหลังจากการประกอบกัน
ความหมายตรงตัว
ความหมายของคำประสมตรงกับความหมายของคำที่นำมาประกอบ
โต๊ะอาหาร
โต๊ะ = เฟอร์นิเจอร์
อาหาร = สิ่งที่กิน
* โต๊ะสำหรับวางอาหาร
ห้องเรียน
ห้อง = พื้นที่
เรียน = ศึกษา
* ห้องสำหรับเรียนหนังสือ
โรงพยาบาล
โรง = อาคาร
พยาบาล = รักษา
* สถานที่รักษาพยาบาล
รถไฟฟ้า
รถไฟ = ยานพาหนะ
ฟ้า = ไฟฟ้า
* รถไฟที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
ความหมายใหม่
ความหมายของคำประสมแตกต่างจากคำเดิม ไม่เหลือเค้าเดิม
ใจดำ
ใจ = หัวใจ
ดำ = สีดำ
* มีใจร้าย ไม่ใช่ใจสีดำ
หน้าไฟ
หน้า = ใบหน้า
ไฟ = เปลวไฟ
* โกรธมาก ไม่ใช่หน้าที่มีไฟ
ใจเขียว
ใจ = หัวใจ
เขียว = สีเขียว
* อิจฉา ไม่ใช่ใจสีเขียว
หัวร้อน
หัว = ศีรษะ
ร้อน = ความร้อน
* โมโหง่าย ไม่ใช่หัวที่ร้อน
เชิงวรรณกรรม
คำประสมที่ใช้ในงานเขียนเชิงศิลปะ มีความไพเราะ
แสงแดด
แสง = ความสว่าง
แดด = แสงอาทิตย์
* แสงอาทิตย์ (ใช้ในบทกวี)
ลมหายใจ
ลม = อากาศ
หายใจ = การหายใจ
* การหายใจ (ใช้ในวรรณกรรม)
แสงจันทร์
แสง = ความสว่าง
จันทร์ = ดวงจันทร์
* แสงจากดวงจันทร์ (ใช้ในบทกวี)
คลื่นลม
คลื่น = คลื่นน้ำ
ลม = อากาศ
* คลื่นที่เกิดจากลม (ใช้ในวรรณกรรม)
สรุปสำคัญ
คำประสมคือ
- • คำที่มีความหมายต่างกัน
- • แต่ไม่ตรงข้ามกัน
- • นำมาประกอบกัน
ประเภท
- • ความหมายตรงตัว
- • ความหมายใหม่
- • เชิงวรรณกรรม
ตัวอย่าง
- • โรงพยาบาล (ตรงตัว)
- • ใจดำ (ความหมายใหม่)
- • แสงแดด (วรรณกรรม)
ความแตกต่างระหว่างคำประสม คำซ้ำ คำซ้อน และคำสมาส
คำประสม
คำที่เกิดจากการนำคำ 2 คำขึ้นไปมาประกอบกัน
• กระเป๋านักเรียน
• รถไฟฟ้า
• โรงพยาบาล
คำซ้ำ
คำที่เกิดจากการนำคำเดียวกันมาซ้ำ
• เด็กๆ
• ช้าๆ
• ใหญ่ๆ
คำซ้อน
คำที่มีเสียงคล้ายกันแต่ความหมายต่างกัน
• ลิงโลด
• เซ็งแซ่
• ปั่นป่วน
คำสมาส
คำสมาสคือการนำคำบาลีหรือสันสกฤตมาต่อกันโดยไม่ตัดคำ
• ธนบัตร
• นิตยสาร
• รัฐศาสตร์
ตัวอย่างคำประสมในชีวิตประจำวัน
โรงพยาบาล
โรง + พยาบาล
สถานที่รักษาคนไข้
โต๊ะอาหาร
โต๊ะ + อาหาร
โต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร
ห้องเรียน
ห้อง + เรียน
ห้องสำหรับเรียนหนังสือ
รถพยาบาล
รถ + พยาบาล
รถสำหรับส่งคนไข้
กระเป๋านักเรียน
กระเป๋า + นักเรียน
กระเป๋าใส่หนังสือของนักเรียน
รถไฟฟ้า
รถไฟ + ฟ้า
รถไฟที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
เกมการเรียนรู้คำประสม
เกมจับคู่คำ
ลากคำจากด้านซ้ายไปจับคู่กับคำด้านขวาให้เป็นคำประสม
คำที่ 1:
คำที่ 2:
เกมสร้างคำใหม่
กดปุ่มเพื่อสุ่มคำ แล้วลองสร้างคำประสมจากคำที่ได้